บทคัดย่อ
โรคอ้วนเป็นปัญหาทุพโภชนาการที่พบมากที่สุดในโลก ข้อมูลองค์การอนามัยโลกในปี พ.ศ. 2557 พบว่า ทั่วโลกมีผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวเกิน (ค่าดัชนีมวลกาย ≥25 kg/m2) ประมาณ 1.9 พันล้านรายและเป็นโรคอ้วน (ค่าดัชนีมวลกาย ≥30 kg/m2) อย่างน้อย 600 ล้านราย หรือ กล่าวคือ ร้อยละ 39 ของผู้ใหญ่ในโลกนี้มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน1 โรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน เป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคของระบบต่าง ๆ มากมาย (obesity-related comorbidity) ได้แก่
• ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ภาวะหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง
• ระบบทางเดินหายใจ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
• ระบบทางเดินอาหาร เช่น นิ่วในถุงน้ำดี โรคกรดไหลย้อน ไขมันเกาะตับ
• ระบบต่อมไร้ท่อและนรีเวช เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ
• ระบบข้อและกล้ามเนื้อ เช่น ข้อเสื่อม เกาต์
นอกจากนี้โรคอ้วนยังเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง เช่น เต้านม มดลูก/ปากมดลูก ลำไส้ใหญ่ หลอดอาหาร ตับอ่อน ไต ต่อมลูกหมาก และยังส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น รู้สึกเสียความมั่นใจในการเข้าสังคม ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น2 การใช้ยาลดน้ำหนัก (pharmacotherapy) จะพิจารณาใช้ในผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีดัชนีมวลกาย ≥30 kg/m2 หรือ ≥ 27 kg/m2 ร่วมกับมีโรคร่วม เมื่อใช้การควบคุมอาหารและออกกำลังกายไม่ได้ผล (ลดน้ำหนักได้น้อยกว่าร้อยละ 5-10 ใน 6-12 เดือน) ยาที่มีข้อบ่งใช้เพื่อใช้ลดน้ำหนักในปัจจุบัน (ไม่รวมยาที่ใช้จากผลข้างเคียงที่ทำให้น้ำหนักลด) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มที่ใช้ในการรักษาระยะสั้น ได้แก่ phentermine และ diethylpropion
2. กลุ่มที่ใช้ในการรักษาระยะยาว ได้แก่ orlistat, lorcaserin, phentermine/topiramate ER, bupropion/naltrexone และ liraglutide