บทคัดย่อ
การเลือกใช้ยาต้านจุลชีพในการรักษา ขึ้นกับความสามารถในการครอบคลุมเชื้อของยา ความชุกของการเกิดเชื้อดื้อยา อายุของผู้ป่วย ประวัติการได้รับยาต้านจุลชีพ และประวัติแพ้ยาของผู้ป่วย กลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ pneumococcal ที่ดื้อยาน้อย เช่น ผู้ป่วยที่เป็นหูชั้นกลางอักเสบแบบเฉียบพลันครั้งแรก หรือมีอายุมากกว่า 2 ปี หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีเชื้อ pneumococcal ที่ดื้อยาน้อย แนะนำให้ใช้ยา amoxycilin ขนาดต่ำได้ (50 มก./กก.วัน) ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ pneumococcal ที่ดื้อยามาก เช่น มีอายุน้อยกว่า 2 ปี หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีเชื้อ pneumococcal ที่ดื้อยามาก ควรได้รับยา amoxicillin ขนาดสูง (80-90 มก./กก./วัน) หากผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยากลุ่ม penicillin แบบไม่รุนแรง (เกิดผื่น) สามารถใช้ยากลุ่ม cephalosporins เช่น cefdinir หรือ cefuroxime เป็นต้น แต่ถ้าผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยาแบบรุนแรง (anaphylaxis) ควรเลือกใช้ยากลุ่ม macrolides เช่น azithromycin หรือ clarithromycin แทน ผู้ป่วยที่เคยได้รับยาต้านจุลชีพในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาจพิจารณาให้ยา amoxicillin/clavulanate เพื่อสามารถครอบคลุมเชื้อ Hemophilus influenzae ที่ดื้อยาได้
ในการเปรียบเทียบระยะเวลาในการให้ยาปฏิชีวนะในระยะสั้น (5 วัน) กับการให้ยาปฏิชีวนะตามปกติ (10 วัน) พบว่าการให้ยาปฏิชีวนะตามปกตินั้นจะมีการเกิดภาวะล้มเหลวจากการรักษาน้อยกว่าการให้ยาในระยะสั้น แต่อาการไม่พึงประสงค์ และความร่วมมือในการใช้ยาจะดีกว่าในกลุ่มที่ได้ยาในระยะสั้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่า เด็กที่มีอายุ < 2 ปีจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันได้มาก เช่น เยื่อแก้วหูฉีกขาด ดังนั้นในเด็กที่อายุ < 2 ปีที่มีภาวะหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันจึงควรที่จะได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลา 10 วันตามเดิม แต่ในผู้ป่วยที่มีอายุ > 2 ปีหากมีอาการไม่รุนแรง หรือไม่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจจะให้การรักษาประมาณ 5-7 วันได้