หลักการและเหตุผล
สถานการณ์ด้านสุขภาพของประเทศไทยมีการพัฒนาไปอย่างก้าวไกล การเปลียนแปลงของโรคที เป็นปัญหาและเป็นสาเหตุการตาย\'1นทศวรรษ,นี้แตกต่างอย่างลิ้น!เซิ\'งกั\'บ\'ใ.น\'หลายทศวรร\'ษก่อ\'น ปัจจุบัน สาเหตุการป่วยร้อยละ ๗๑ มีสาเหตุมาจากโรคไม่ติดต่อ (Global Health Observatory, WHO) สาเหตุ การตายเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น การตายอันดับต้นของประเทศไทยคือ โรคมะเร็ง โรค เอดส์ อุบัติเหตุ และโรคหัวใจ ในประเทศไทยจำนวนของผู้สูงอายุมีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่า ภายใน ๔๐ ปี ประชากรผู้สูงอายุจะเป็นหนึ่งในสี่ของประซากรทั้งหมด ซึ่งจะเป็นปัญหาระดับใหญ่ที่เรา ต้องเผชิญ เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุจะมีการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังสูงขึ้น เซ่นโรคเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ เป็นต้น (การสาธารณสุขไทย ๒๕๕๑-๒๕๕๓) การพัฒนาอย่างรวดเร็วทางการแพทย์ หมายถีงมี การนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้[นการรักษาหรือช่วยชีวิตผู้ป่วย โรคต่างๆในอดีตซึ่งไม่สามารถรักษาได้หรือ ผลการรักษาไม่ได้ผลดี ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเหล่านี้มีชีวิตยืนยาวขึ้น ซึ่งหมายถีงการรักษาที่ยาวนานยืดเยื้อ และเมื่อโรคเข้าสู่ระยะท้าย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะทนทุกข์ทรมานจาก การรักษาที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ รวมถึงได้รับการรักษาที่มุ่งยื้อชีวิตแม้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือ ตนเองได้ รวมถึงการตัดสินใจเลือกทางเลือกของการรักษาต่างๆที่มักกระทำโดยครอบครัวโดยผู้ป่วยไม่มี ส่วนร่วม ซึ่งบางครั้งการรักษาดังกล่าวอาจไม่ใช่แนวทางที่ผู้ป่วยต้องการ palliative care เป็นทางเลือกที่ จะช่วยให้ผู้ป่วยไม่ทุกข์ทรมานเมื่อโรคเข้าสู่ระยะท้าย โดยจุดมุ่งหมายของ palliative care คือการดูแล ผู้ป่วยและครอบครัว ในผู้ป่วยที่โรครักษาไม่ได้หรือรักษาลำบาก หลักการของ palliative care คือการ ยอมรับในเวลาที่เหลืออยู่โดยไม่ไปยืดหรือเร่งเวลาที่เหลือ แต่ดูแลให้ผู้ป่วยมีสมรรถนะและคุณภาพชีวิตดี ที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ โดยการจัดการอาการที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอาการปวดและอาการไม่สุขสบาย อื่นๆ เมื่ออยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสานมักจะเลือกบ้านเป็น สถานที่ดูแลสุดท้ายของชีวิต การดูแลในระบบเครือข่ายจึงมีความสำคัญที่จะทำให้การดูแลไร้รอยต่อ ผู้ป่วยได้รับการจัดการอาการที่มีประสิทธิภาพ ครอบครัวมีความพึงพอใจ การส่งเสริมความร่วมมือและ สร้างความเข้มแข็งในระดับเครือข่ายจึงมีความสำคัญต่อการส่งเสริมคุณภาพการดูแลของผู้ป่วยระยะ สุดท้าย