หลักการและเหตุผล
ผลการสำรวจในปี 2557 พบว่าประชากรไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นผู้สูบบุหรี่จำนวน 54.8 ล้านคน โดยคิดเป็นอัตราการสูบบุหรี่ร้อยละ 20.7 ในจำนวนนี้คิดเป็นเพศชายร้อยละ 40.5 และเพศหญิง ร้อยละ 2.2 การสูบบุหรี่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 2 รองจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียปีสุขภาวะในเพศชายร้อยละ 11.34 (สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ, 2552) พบว่าหากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้จะทำให้ต้นทุนการสูญเสียผลิตภาพลดลงได้ โดยผู้ที่สูบบุหรี่ต่อเนื่องสูญเสียผลิตภาพจำนวน 4.57 ปี ในชายและ 3.43 ปีในหญิง หากเลิกสูบที่อายุ 40 ปี จะสูญเสียผลิตภาพจำนวน 2.03 ปีในชาย และ 0.99 ปีในหญิง และหากเลิกสูบที่อายุ 30 ปี จะสูญเสียผลิตภาพจำนวน 1.43 ปีในชาย และ 0.64 ปีในหญิง ดังนั้นการสนับสนุนให้เกิดบริการเลิกสูบบุหรี่ยิ่งเร็วเท่าใดยิ่งสามารถลดการสูญเสียผลิตภาพได้มากขึ้นเท่านั้น (มนทรัตน์ และคณะ, 2554)
ผลการดำเนินงานเครือข่ายร้านยาในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม มีรายงานผู้เข้ารับบริการที่ร้านยาจำนวน 5 ร้าน เป็นจำนวนทั้งหมด 116 คน อย่างไรก็ตามกิจกรรมการดำเนินงานส่วนใหญ่ผ่านการจัดการเรียนการสอนและการดำเนินกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เพื่อให้บทบาทและการเข้าถึงบริการได้กว้างขึ้นและสะดวกขึ้นสำหรับประชาชนในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ร้านยาเป็นหน่วยบริการที่เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก และการทำงานของร้านยาร่วมกับหน่วยบริการในพื้นที่ มีส่วนสนับสนุนสังคมไทยปลอดบุหรี่ ได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ดังนั้นคณะดำเนินงานจึงเล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนเครือข่ายร้านยาและหน่วยบริการในพื้นที่ที่จะได้ทบทวน และส่งเสริมเทคนิคการให้บริการเลิกบุหรี่ โดยการให้คำปรึกษาและการใช้ application เข้าช่วยให้บริการกับประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการให้บริการจึงได้จัดการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการให้บริการเลิกบุหรี่ครั้งนี้ขึ้น