ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องฯ จะส่งข้อมูลแจ้งเตือนสมาชิกที่มีหน่วยกิตไม่ครบเกณฑ์ ผ่านช่องทาง sms และ email ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568

การประชุมวิชาการ
สัมมนาวิชาการทางเภสัชศาสตร์ ปี 2567 เภสัชพันธุศาสตร์ และการแพทย์เฉพาะบุคคลในผู้ป่วยโรคมะเร็ง มุ่งเน้นการประเมินผู้ป่วย และการจัดการอาการไม่พึงประสงค์
ชื่อการประชุม สัมมนาวิชาการทางเภสัชศาสตร์ ปี 2567 เภสัชพันธุศาสตร์ และการแพทย์เฉพาะบุคคลในผู้ป่วยโรคมะเร็ง มุ่งเน้นการประเมินผู้ป่วย และการจัดการอาการไม่พึงประสงค์
สถาบันหลัก สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
รหัสกิจกรรม 1016-2-000-002-06-2567
สถานที่จัดการประชุม Online Zoommeeting
วันที่จัดการประชุม 09 มิ.ย. 2567
ผู้จัดการประชุม สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
กลุ่มเป้าหมาย เภสัชกรที่มีความสนใจ
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง 3 หน่วยกิต
หลักการและเหตุผล
โรคมะเร็งเป็นภัยคุกคามปัญหาสุขภาพของทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก โดยอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.2050 จะมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านราย คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในปี ค.ศ.2022 ซึ่งอยู่ที่ 20 ล้านราย และปัจจุบันยังพบว่าโรคมะเร็งปอดมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอดอุดกั้นเรื้องรัง(1) โดยข้อมูลในประเทศไทย จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่า แต่ละปีประเทศไทยจะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่กว่า 140,000 คน หรือ ประมาณ 400 คนต่อวัน โดยโรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรกในคนไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่/ทวารหนัก และมะเร็งปากมดลูก(2) ข้อมูลจากกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2565 พบว่าประเทศไทย มีการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือโรคหลอดเลือดในสมอง โรคปอดอักเสบ และโรคหัวใจขาดเลือด(3)
การรักษามะเร็งมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับประเภทของมะเร็ง ระยะของโรค ความสมบูรณ์ของสุขภาพผู้ป่วย และการกลายพันธุ์ของยีนได้แก่ การผ่าตัด การใช้รังสีรักษา การใช้ยาเคมีบำบัด การใช้ยามุ่งเป้า การรักษาด้วยฮอร์โมน การปลูกถ่ายไขกระดูก และการรักษาด้วยเซลล์บำบัด จากการศึกษาของ Kefale B และคณะ ได้เก็บข้อมูลปัญหาจากการใช้ยา (Drug related problems, DRPs) ในผู้ป่วยมะเร็ง พบว่าอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาเป็น DRPs ที่พบมากที่สุด รองลงมาคืออันตรกิริยาระหว่างยา (Drug-drug interaction) และผู้ป่วยไม่ได้รับยาที่สมควรจะได้รับ (need for additional drug therapy) อยู่ที่ร้อยละ 27.3 ร้อยละ 25 และร้อยละ 22.2 ตามลำดับ ซึ่ง DRPs ที่เกิดขึ้นสามารถป้องกันได้โดยเภสัชกรที่มีความรู้เฉพาะทางด้านการบริบาลเภสัชกรรมในผู้ป่วยมะเร็ง(4) รวมทั้งความรู้และทักษะด้านเภสัชพันธุศาสตร์และการแพทย์เฉพาะบุคคลในผู้ป่วยมะเร็ง เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาได้ดีขึ้น และลดการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาในผู้ป่วยมะเร็ง(5)
สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จึงได้จัดสัมมนาวิชาการทางเภสัชศาสตร์ โดยมุ่งเน้นให้เภสัชกรที่มีความรู้ และทักษะทางด้านการบริบาลเภสัชกรรมในผู้ป่วยมะเร็ง มีความรู้ในด้านเภสัชพันธุศาสตร์และการแพทย์เฉพาะบุคคลในผู้ป่วยมะเร็ง และสามารถปฏิบัติงานร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพในการรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ในแต่ละปี
วัตถุประสงค์
1.เข้าใจผลการกลายพันธุ์ของยีนจากการวิเคราะห์ด้วยเทคนิค next-generation sequencing
2.เสนอแนวทางการรักษาจากผลการกลายพันธุ์ของยีนแก่ผู้ป่วยเฉพาะรายได้อย่างเหมาะสม
3.เข้าใจ companion diagnostic testing และนำไปประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
4.ดูแลอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างเหมาะสม
คำสำคัญ
Pharmacogenomics, Personalized medicine, Pharmacotherapy, Cancer
วิธีสมัครการประชุม
สมัครออนไลน์ https://cas.wu.ac.th/archives/26088