ชื่อการประชุม |
 |
Allergic diseases management from the evidence guideline to real world practice |
สถาบันหลัก |
 |
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ |
รหัสกิจกรรม |
 |
1013-2-000-007-11-2568 |
สถานที่จัดการประชุม |
 |
ลีลาวดี รีสอร์ท จ.สระบุรี |
วันที่จัดการประชุม |
 |
09 พ.ย. 2568 |
ผู้จัดการประชุม |
 |
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ |
กลุ่มเป้าหมาย |
 |
เภสัชกรร้านขายยา จำนวน 300 ท่าน |
หน่วยกิตการศึกษาต่อเนื่อง |
 |
1 หน่วยกิต |
หลักการและเหตุผล
โรคภูมิแพ้ (Allergy) ประกอบด้วย โรคเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) และ โรคผื่นลมพิษ (Urticaria) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในร้านยา และมักจะก่อให้เกิดความรำคาญ และส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย หากไม่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตคนไข้ในระยะยาวได้ โดยสาเหตุหนึ่งของปัญหาที่ก่อให้เกิดโรคมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม มลพิษหรือฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน รวมไปถึงปัจจัยเฉพาะตัวบุคคล เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้ผู้ป่วยถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าได้ง่าย ดังนั้นการให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม มีคุณภาพ และมีความปลอดภัยสูง รวมไปถึงการให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรม จะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ร้านขายยาทั่วไปจึงมักพบผู้ป่วยที่มาซื้อยารักษาอาการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยผู้ป่วยบางรายอาจยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาในอนาคต เภสัชกรชุนชนควรมีความรู้ที่จะช่วยให้คำแนะนำกับผู้ป่วย และผู้ที่ดูแลผู้ป่วย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น ปัจจุบันเภสัชกรชุมชมยังขาดความรู้ความเข้าใจอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องอาศัยข้อมูลวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้ยาและแนวทางการรักษา ป้องกัน รวมถึงการให้คำแนะนำกับคนไข้ในการปฏิบัติตัว เพื่อรับมือได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เภสัชกรมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ (Allergy)
2. เพื่อให้เภสัชกรสามารถเลือกใช้ยาในการป้องกันและรักษาโรคเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ (Allergy) ได้อย่างเหมาะสม
คำสำคัญ
Allergic Rhinitis, Urticaria, Non-sedative antihistamines, Second generation antihistamines, Fexofenadine, PM 2.5