หลักการและเหตุผล
ระบบสาธารณสุขทั่วโลกปัจจุบันที่กำลังแผชิญกับความท้าทากอย่างมาก จากจำนวนประชากรที่มีมากขึ้นแนวโน้มอายุยืน การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคอุบัติใหม่ การเพิ่มจำนวนของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง การเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล้อมที่มีส่งผลกับสุขภาพ รวมถึงความก้าวหน้าทางดิจิทัลเทคโนโลยี สภาวะเศรฐกิจและสังคมที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและใจ เหล่านี้เป็นปัจจัยเข้ามาท้าทายระบบสุขภาพ ทำให้เกิดการปรับตัวและการเปลี่ยนแปลงกรอบความคิด (Mindset) เพื่อให้อยู่รอดการมองไปข้างหน้า ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข อย่างยั่งยืน นำใปสู่การค้นหาความหมากของคำว่า ยั่งยืน หรือ Sustainability ที่อีกซึ้ง "Sustainability Define at Meeting the Needs of the Present without Compromising the Ability of Future Generations to Meet their Own Needs" หากต้องการปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาระบบบริการสุขภาพใน ปัจจุบันให้มีคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อความยั่งยืน จึงไม่ได้เป็นเพียงแต่การออกแบบระบบที่ตอบสนอง ความต้องการของผู้ป่วย (Heath needs at Social needs) เฉพาะในปัจจุบันเท่านั้น หากแต่ต้องคาดการณ์ และคำนึงถึงความต้องการและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่มีโอกาสเกิดขึ้น กับผู้ป่วยบุคลากร ประชาชน และชุมชน ในอนาคตด้วยการสร้างวัฒนธรรม
การผลักดันให้เกิดการสร้างวัฒนกรรมในระบบบริการสุขภาพที่มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย เป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่ความยั่งยืนของระบบสุขภาพ "วัฒนธรรม” มาจากคำว่า "วัฒน” หมายถึง ความเจริญ ส่วนคำว่า “ธรรม" หมายถึง ความดี โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้นิยามไว้ว่า "สิ่งที่ทำ ความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ” ส่วนรากศัพท์ในภาษาอังกฤษและยุโรป Culture มีความหมายถึงการปลูก เพาะ บ่มเพาะ สะท้อนความหมายเชิงการจัดการ คือ “พฤติกรรมหรือสิ่งที่คนในหมู่ผลิตหรือบ่มเพาะสร้างขึ้น ด้วยการเรียนรู้จากกันและกัน และร่วมกันปฏิบัติใช้ในหมู่ของคน” ในขณะที่คำว่า "คุณภาพ" ตามนิยามของ องค์การอนามัยโลก หมายถึง ระดับของบริการสุขภาพสำหรับบุคคลและประชากร ที่จะเพิ่มความเป็นยไปได้ของผลลัพธ์สุขภาพที่พึงประสงค์ และสอดคล้องกับความรู้ของวิชาชีพซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป (Quality: the degree to which health services for individuals and populations increase the likelihood of desired health outcomes and we consistent with current professional knowledge) สะท้อนการ ให้ความสำคัญครอบคลุมไปถึงประชาชน ในขณะที่นิยามคำว่า"ความปลอดภัย หรือ Safety ในปัจจุบันได้ ปรับจาก The Absence of Preventable Harms หรืออันตรายที่ป้องกันได้เป็น Avoidable Harms อันตรายที่หลีกเลี่ยงได้ โดยประเทศไทยให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงอันตรายถึง ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยจาก กระบวนการดูแลรักษา อันตรายที่เกิดขึ้นกับบุคลากรจากกระบวนการทำงาน และอันตรายที่เกิดขึ้นกัน ประชาชนจากระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพ (patient personnel and people safety) ซึ่งสะท้อนการมองความปลอดภัยในเชิงการคาดการณ์อนาคตที่ไม่ได้เพียงมุ่งเน้นเฉพาะตัวบุคคล แค่ครอบคลุมถึง ประชาชนและสังคม ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนของระบบบริการสุขภาพในอนาคต
การสร้างวัฒนธรรมคุณภาพและความปลอดภัย เพื่อระบบสุขภาพที่ยั่งยืนในอนาคต” เป็นสิ่งสำคัญที่ ทำให้ทุกองค์กรด้านสุขภาพต้องให้ความสำคัญ การสร้างวัฒนธรรมจึงไม่เป็นไปเพียงเพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ แต่ยังต้องสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจแก่ผู้ป่วย ประชาชนและชุมชนรอบข้าง วัฒนธรรมที่มั่นคงจะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง จึงเป็นเสมือนการบ่มเพาะพฤติกรรมของคนในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการวางระบบ การบริหารจัดการคุณภาพ การคาดการณ์อนาคตและการบริหารความเสี่ยง มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพและความปลอดภัย ในระบบบริการสุขภาพเพื่ออนาคตสำหรับทุกคนโดยมีพฤติกรรมร่วมที่สำคัญ ได้แก่ การให้ความสำคัญสูงสุดต่อประชาชน (people centered-care) การทำงานเป็นทีมและการสื่อสารที่ชัดเจน (team work and effective communication) การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (learning from mistake and Continuous Improvement) การเคารพและไว้วางใจซึ่งกันและกัน (respect and trust each other) การตระหนักรับผิดชอบต่อสังคม (social responsibility) และการมีส่วนร่วมเพื่อเป้าหมาย องค์กรของทุกคน (engagement of all) ซึ่งการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรนั้นต้องประกอบด้วย 1) การนำโดย ผู้นำที่ชัดเจน (leadership commitment) 2) การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร (workforce capability) 3) การมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและชุมชน (patient and community engagement) 4) การพัฒนา ปรับปรุงโดยใช้ข้อมูล (data-driven improvement) 5) การปฏิบัติที่ยั่งยืน (sustainable practices) 6) ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (resilience and adaptability)
ศูนย์ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (HACC:CMU) ร่วมกับ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) สรพ. พร้อมขยายเปิด พื้นที่ให้ครอบคลุมไปส่วนภูมิภาค ในการสร้างเวทีให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของเครือข่ายอย่างสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมคุณภาพและความปลอดภัยในระบบสุขภาพ เพื่อความยั่งยืนใน อนาคต ผ่านการประชุมวิชาการประจําปี HA Regional Forum 2005 ระหว่างวันที่ 18 - 19 สิงหาคม 2548 ภายใต้แนวคิด "Building Quality and Safety Culture for the Future Sustainability : สร้างวัฒนธรรม คุณภาพและความปลอดภัย เพื่อความยั่งยืนในอนาคต” เครือข่ายระบมเพาะพฤติกรรมร่วมที่ดีไปด้วยกัน เสริมสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้ป่วย บุคลากร ประชาชน และชุมชน เพื่อทุกคนก้าวสู่การสร้าง วิถีและแนวทางใหม่ด้านสุขภาพ เกิดความมีสุขภาพดี มีสังคม สุขภาวะ และมีความมั่นคงในระบบสุขภาพแห่งอนาคตอย่างยิ่งกัน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเปิดโอกาสให้บุคลากร ทุกสาขาวิชาชีพ จากโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และวิธีปฏิบัติ ที่สร้างสรรค์นำสู่การสร้างความสมดุลระหว่างการมีระบบงานที่เข้มแข็งเกิดบริการที่ดี มีความสุข ของคนทํางาน
2. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบทิศทางแนวโน้มการค้าเป็นงานของการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลในประเทศไทย
2. เพื่อเป็นเวทีในการเผยแพร่ผลงานที่ภาคภูมิใจของบุคลากร/หน่วยงาน และ โรงพยาบาล