หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบันมีผู้ผลิตและผู้นำเข้าเภสัชภัณฑ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีอัตราการแข่งขันในทางการตลาดสูงเป้าหมายหนึ่งของผู้ผลิตและผู้นำเข้าเหล่านั้นคือ การผลักดันให้เภสัชภัณฑ์ของตนได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่ระบบโรงพยาบาลซึ่งเภสัชภัณฑ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่จะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกในกระบวนการคัดเลือกเภสัชภัณฑ์เข้าสู่โรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุขคือคุณภาพของเภสัชภัณฑ์
ใบรับรองผลการทดสอบเภสัชวิเคราะห์ด้านเคมีและจุลชีววิทยาเป็นเอกสารข้อมูลสำคัญจากผู้ผลิตที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเภสัชภัณฑ์ ข้อมูลที่แสดงอยู่ในใบรับรอง ได้แก่ ส่วนประกอบและปริมาณตัวยาสำคัญ ชนิดและปริมาณของสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการตรวจวิเคราะห์ ผลการตรวจวิเคราะห์ เกณฑ์การยอมรับ และข้อมูลความคงตัว เป็นต้น นอกจากนี้ การคัดเลือกเภสัชภัณฑ์เข้าโรงพยาบาลในปัจจุบันยังมีการพิจารณาถึง price performance ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เภสัชกรผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องในการคัดเลือกเภสัชภัณฑ์เข้าโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุขจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีในการแปลผลและประเมินใบรับรองผลการทดสอบเภสัชวิเคราะห์ด้านเคมี และจุลชีววิทยา รวมถึงแนวคิดด้าน Price performance เพื่อให้สามารถคัดเลือกเภสัชภัณฑ์ที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดปลอดภัยต่อผู้บริโภค ตลอดจนโรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุขต้นสังกัดสามารถจัดซื้อเภสัชภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 17–18 กรกฎาคม 2557 และ 2-3 ธันวาคม 2558 คณะเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข มีการจัดประชุมวิชาการเรื่อง \"Fundamentals behind Pharmaceutical Specification and Evaluation of Certificate of Analysis” ซึ่งการประชุมทั้งสองครั้งได้รับผลการตอบรับจากผู้เข้าร่วมอบรมอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการจัดประชุมวิชาการขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เนื่องด้วยเล็งเห็นถึงความต้องการจากเภสัชกรผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนคัดเลือกเภสัชภัณฑ์เข้าสู่โรงพยาบาลหรือสถานบริการสาธารณสุข
วิธีสมัครการประชุม
ผู้สนใจเข้าร่วมประชุมสามารถลงทะเบียนได้ที่หน่วยการศึกษาต่อเนื่อง คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทรศัพท์ 02-218-8283, 02-218-8454 โทรสาร 02-251-5086 หรือe-mail: ce@pharm.chula.ac.th โดยมีอัตราค่าลงทะเบียนดังนี้
• หน่วยงานภาครัฐ
o ชำระค่าลงทะเบียนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ท่านละ 4,000 บาท
o ชำระค่าลงทะเบียนหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ท่านละ 4,500 บาท
• หน่วยงานภาคเอกชน
o ชำระค่าลงทะเบียนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ท่านละ 5,000 บาท
o ชำระค่าลงทะเบียนหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ท่านละ 5,500 บาท